คริสต์มาส
ศัพทมูลวิทยา
คำว่า Christmas ในภาษาอังกฤษ เป็นคำประสมซึ่งหมายถึง "มิสซาของคริสต์" มาจากคำในภาษาอังกฤษยุคกลางว่า Christemasse และภาษาอังกฤษโบราณว่า Cristes mæsse ซึ่งถูกพบครั้งแรกในเอกสารโบราณภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 คำว่า "Cristes" มาจากภาษากรีก Christos และ "mæsse" มาจากภาษาละติน missa (หมายถึง มิสซาอันศักดิ์สิทธิ์) ในภาษากรีกโบราณ ตัวอักษร Χ เป็นตัวอักษรแรกในคำว่า "คริสต์" จากการที่มันมีลักษณะเหมือนกับอักษรโรมัน X จึงได้ถูกใช้เพื่อย่อคำว่า "คริสต์" นับตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรษที่ 16 ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้ง Xmas จึงใช้เพื่อย่อคำว่า "คริสต์มาส"
การเฉลิมฉลอง
วันคริสต์มาสได้รับการเฉลิมฉลองเป็นเทศกาลหลักและเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มิใช่คริสเตียน ในบางประเทศที่มิใช่คริสเตียน คริสต์มาสได้ถูกนำเข้าสู่วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ระหว่างที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบอาณานิคม (เช่น ฮ่องกง) ส่วนในประเทศอื่น ประชากรค่อย ๆ รับเอาการเฉลิมฉลองของชนกลุ่มน้อยคริสเตียนหรืออิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างประเทศ ในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งคริสต์มาสได้รับความนิยมแม้ว่าจะมีประชากรนับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนน้อย ได้รับเอามุมมองทางโลกของคริสต์มาสหลายอย่าง เช่น การให้ของขวัญ การตกแต่งอาคารสถานที่ และต้นคริสต์มาส ประเทศที่ซึ่งคริสต์มาสไม่ใช่วันหยุดราชการ ตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน (ยกเว้นฮ่องกงและมาเก๊า) ญี่ปุ่น ซาอุดิอาระเบีย อัลจีเรีย ไทย เนปาล อิหร่าน ตุรกี และเกาหลีเหนือ การเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสรอบโลกอาจมีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชาติในกลุ่มประเทศที่มีประเพณีคริสเตียนมั่นคง การเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่มีความหลากหลายได้รับการปรับปรุงกระทั่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นและภูมิภาค สำหรับคริสเตียน การเข้าร่วมในศาสนพิธีถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการยอมรับเทศกาลดังกล่าว คริสต์มาส ตลอดจนเทศกาลอีสเตอร์ เป็นช่วงเวลาที่มีคนเข้าโบสถ์มากที่สุดในแต่ละปี ในประเทศคาทอลิก ประชากรจัดการเดินขบวนทางศาสนาหรือขบวนแห่ก่อนคริสต์มาส ในประเทศอื่น ได้มีการจัดการเดินขบวนทางโลกหรือขบวนแห่ซึ่งนำเสนอซานตาคลอสและสัญลักษณ์ของเทศกาลอื่น ๆ ซึ่งมักจัดขึ้นบ่อยครั้ง การกลับมาพบปะกันของครอบครัวและการแลกของขวัญได้กลายมาเป็นลักษณะเด่นของเทศกาลที่มีอย่างกว้างขวาง การให้ของขวัญเป็นประเพณีที่มีในประเทศส่วนใหญ่ ส่วนวันอื่นที่มีการแลกของขวัญ ได้แก่ วันนักบุญนิโคลัส ตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม และการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ตรงกับวันที่ 6 มกราคม
วันที่จัดเทศกาล
เป็นเวลาหลายศตวรรษ นักเขียนคริสเตียนยอมรับว่าคริสต์มาสเป็นวันประสูติของพระเยซูที่ถูกต้อง จนกระทั่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 นักวิชาการได้เริ่มต้นเสนอคำอธิบายอย่างอื่นแทน ไอแซก นิวตัน ได้แย้งว่า วันที่จัดเทศกาลคริสต์มาสเป็นไปตามเหมายัน ซึ่งชาวโรมันเรียกว่า บรูมา และจัดงานเฉลิมฉลองในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ใน ค.ศ. 1743 คริสตเตียนนิกายโปรแตสแตนท์ชาวเยอรมัน พอล แอร์นสก์ จาบลอนสกี ได้ให้เหตุผลว่า การเลือกวันที่ 25 ธันวาคมเพื่อเฉลิมฉลองคริสต์มาสนั้นตรงกับวันหยุดของโรมัน ดีเอส นาตาลิส โซลิส อินวิกติ และดังนั้นจึงเป็นการทำให้ศาสนจักรที่แท้จริงเสื่อมทรามลง ตามประเพณีจูเดโอ-คริสเตียน เชื่อกันว่าการทรงสร้างดังที่ได้บรรยายในพระธรรมปฐมกาล เกิดขึ้นในวันวสันตวิษุวัต คือ วันที่ 25 มีนาคมในปฏิทินโรมัน วันที่ดังกล่าวปัจจุบันได้เฉลิมฉลองเป็นวันการประกาศของเทพและการครบรอบการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูใน ค.ศ. 1889 หลุยส์ ดือแชน เสนอว่าวันคริสต์มาสสามารถคำนวณได้โดยบวกเวลาเข้าไปเก้าเดือนนับตั้งแต่วันการประกาศของเทพ ซึ่งเป็นวันที่ความเข้าใจดั้งเดิมเกี่ยวกับพระเยซูคำอวยพร
คำอวยพรสำหรับเทศกาลคริสมาสใช้ คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น